2508 อัฐเชิญพระบรมรูปหล่อโลหะรัชกาลที่ 4 ขึ้นประดิษฐาน ณ ซุ้มปรางค์บนทักษิณชั้นที่ 2 ของพระเจดีย์ใหญ่ด้านทิศตะวันออก ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ตำหนักเพ็ชรด้วยทุนบริจาคของหม่อมเจ้าจงจิตรถนอมดิศกุลนับเป็นพระบรมรูปจำลององค์ที่ 2 พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าองค์ต้นแบบซึ่งประดิษฐาน ณ ตำหนักเพ็ชรนี้ ซึ่งประดิษฐานในปราสาทพระเทพบิดรโดยพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐวรการอธิบดีกรมช่างสิบหมู่ทรงเป็นผู้อำนวยการปั้นและหล่อในพุทธศักราช ณ ตำหนักเพ็ชร 3 แห่งประเทศฝรั่งเศส ผู้นี้คือเอมิลฟรังซัวชาตรูส (เอมิ Francois Chatrousse) ประติมากรชาวฝรั่งเศสลูกศิษย์ของฟรังซัวรูด (François Rude) และดาเบลเดอปูจอล (อาเบลเดอ Pujol D 'ช่าง ) 59 เซนติเมตรทาบรอนซ์ฉลองพระองค์เปิดพระอุระทรงพระภูษาโจงและทรงพระมาลาสก็อต พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 4 พระบรมรูปทรงยืนในท่าตริภังค์ (Contrapposto) พระวรกายบิดเอี้ยวเล็กน้อยรายละเอียดของพระพักตร์รอยยับของพระภูษาทรง ปั้นเมื่อคริสตศักราชตรงกับพุทธศักราช 1863 2406 ที่กรุงปารีสแล้วส่งเข้ามาถวายทอดพระเนตร ก็ทำเป็นสายสะพายห้อยดวงตราเลจองดอนเนอร์ (พยุหะ d'honneur) ของฝรั่งเศสจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ช่างไทยทดลองปั้นถวาย เข้าพระทัยอาจเป็นหลวงเทพรจนา (พลับ) ว่า ทรงฉลองพระองค์เสื้อเยียรบับทรงพระภูษาโจงขอบเชิงทรงพระมาลาทรงหม้อตาล ทรงฉลองพระบาท ทอดปลายพระแสงดาบลงพื้นพระหัตถ์ซ้ายทรงถือหนังสือ ต่อมาเมื่อหอเสถียรธรรมปริตรรื้อลง 5 ถึงรัชกาลที่ 7 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ขอพระราชทานไปประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งเวชยันตวิเชียรปราสาทในพระนครคีรีจังหวัดเพชรบุรี กรมพระยาดำรงราชานุภาพเมื่อพุทธศักราช 2,470 2503 ต่อมาเมื่อพุทธศักราชอสุนิบาตต้องพระที่นั่งองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2505 ก็ทรงดำริเห็นชอบต่างก็ทรงประทานทุนทรัพย์ช่วยเหลือรวบรวมเงินได้ 56,733.63 ณ พระที่นั่งเวชยันตวิเชียรปราสาทเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2505 ต่อมาสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช (ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระสาสนโสภณ) ทรงทราบเรื่อง ก็เสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหารเป็นเวลานาน กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากรเป็นต้น ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราช
การแปล กรุณารอสักครู่..
